medicalfocusth

“เอ็นไอเอ - รพ.จุฬาฯ” ร่วมพัฒนา “เครื่องช่วยหายใจไฮโฟลว์” นวัตกรรมจากฝีมือคนไทย
 “เอ็นไอเอ - รพ.จุฬาฯ”  ร่วมพัฒนา “เครื่องช่วยหายใจไฮโฟลว์” นวัตกรรมจากฝีมือคนไทย
สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ร่วมกับโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และบริษัท อินทรอนิคส์ จำกัด สร้างสรรค์นวัตกรรมทางการแพทย์ เครื่องช่วยหายใจอัตราไหลสูง (High Flow Nasal Cannula – HFNC) เพื่อใช้รักษาและช่วยชีวิตผู้ป่วยจากการติดเชื้อจากโควิด – 19 และปัญหาทางเดินหายใจ นับว่าเป็นเครื่องช่วยหายใจอัตราไหลสูงเครื่องแรกที่ผลิตได้โดยคนไทยและได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) สามารถลดการนำเข้าเครื่องมือทางการแพทย์ของประเทศไทย และได้เริ่มส่งมอบและใช้งานในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทยไปแล้วกว่า 500 เครื่อง พร้อมเตรียมแผนขยายสู่สถานพยาบาลที่มีความพร้อมต่อไป

ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมา NIA ได้ให้การสนับสนุนนวัตกรรมทางด้านการแพทย์กับสตาร์ทอัพ และกลุ่มธุรกิจนวัตกรรมการแพทย์ จำนวน 11 โครงการ คิดเป็นมูลค่ากว่า 19.64 ล้านบาท โดยเฉพาะนวัตกรรมที่มุ่งเป้าในการรักษาผู้ป่วยภาวะฉุกเฉิน การแพทย์ทางไกล เครื่องมือแพทย์ที่ทันสมัยและตอบโจทย์การรองรับการรักษาโรค อีกทั้งยังมีการพัฒนานวัตกรรมในรูปแบบของความร่วมมือจากหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน โดยหนึ่งในตัวอย่างความสำเร็จคือ “เครื่องช่วยหายใจอัตราการไหลสูง” ที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นโดยบริษัท อินทรอนิคส์ จำกัด ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในด้านการออกแบบและผลิตชุดควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ ภายใต้การสนับสนุนและความร่วมมือจาก NIA โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทั้งนี้ นวัตกรรมดังกล่าวมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับเครื่องมือที่นำเข้าจากต่างประเทศ และได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ให้สามารถผลิตและใช้งานได้ภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉินร่วมกับการควบคุมจากบุคลากรทางการแพทย์ที่เชี่ยวชาญเป็นรายแรก ซึ่งได้มีการส่งมอบและนำไปใช้งานกับผู้ป่วยโควิด – 19 และระบบทางเดินหายใจที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทยแล้วกว่า 500 เครื่อง
“ด้วยสถานการณ์ของการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด – 19 ทำให้เครื่องมือทางการแพทย์โดยเฉพาะอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับระบบการช่วยหายใจมีความจำเป็นอย่างมากกับโรงพยาบาล หลายประเทศตั้งงบประมาณสำหรับจัดหาเครื่องช่วยหายใจจากประเทศที่เป็นผู้ผลิต แต่ด้วยภาวะวิกฤติของโควิด – 19 ทำให้อุปกรณ์นี้ไม่เพียงพอต่อความต้องการของทุกประเทศทั่วโลก NIA จึงอยากเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาสด้วยการสนันสนุนเงินทุนให้คนไทยได้ใช้องค์ความรู้ที่มีมาสร้างสรรค์นวัตกรรม ที่จะเป็นส่วนช่วยเหลือสังคมและเป็นส่วนที่จะทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยดีขึ้น”

รศ.นพ.ทายาท ดีสุดจิต กุมารแพทย์ประสาทวิทยา ฝ่ายกุมารเวชศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ผู้มีความสนใจงานด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการแพทย์อันทันสมัย กล่าวว่า “หลังการระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกที่ 3 พบว่าโรงพยาบาลต่าง ๆ อาจเข้าสู่วิกฤตใหญ่คือมีเครื่องช่วยชีวิตไม่เพียงพอต่อความต้องการ นี่คือจุดเริ่มต้นของการคิดค้นและผลิตเครื่องบำบัดโรคระบบทางเดินหายใจอัตราการไหลสูง Chula High Flow Nasal Cannula (Pranamax) โดยเป็นความร่วมมือจาก 7 องค์กร ได้แก่ สภากาชาดไทย องค์การอาหารและยา (อย.) สถาบันมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (มอก.) สถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ สถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ ศิษย์เก่าคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และหน่วยโรคระบบการหายใจและภาวะวิกฤต คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยการพัฒนานวัตกรรมทางการรักษาแบบฉุกเฉินครั้งนี้ คำนึงถึงความฉุกเฉินและวิกฤตที่เกิดขึ้นในระบบสาธารณสุขเป็นประเด็นสำคัญและความเหมาะสมต่อการใช้งานตามสถานการณ์จริงในปัจจุบัน โดยทางทีมผู้ประดิษฐ์ได้มีการศึกษาโครงสร้างของเครื่องบำบัดโรคระบบทางเดินหายใจอัตราการไหลสูง เริ่มจากการจัดหาชิ้นส่วนที่เหมาะสมเพื่อนำมาทดแทนชิ้นส่วนที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ จากนั้นจึงเริ่มสร้างตัวทดสอบพื้นฐานขึ้น เมื่อพัฒนาจนสามารถใช้งานเครื่องได้จริง จึงขออนุญาตใช้สิทธิ์ตามกฎหมายเครื่องมือแพทย์มาตรา 27 วรรค 1 ซึ่งเป็นการสร้างเครื่องมือขึ้นมาใช้และกระจายชิ้นส่วนการใช้งานได้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยเครื่อง Chula HFNC ได้ผ่านการตรวจรับรองมาตรฐานอย่างถูกต้อง”

รศ.พญ.นฤชา จิรกาลวสาน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคปอด หน่วยโรคระบบการหายใจและภาวะวิกฤต กล่าวว่า “จากสถิติพบว่ามีผู้ป่วยโควิด-19 มีอาการปอดอักเสบรุนแรงมากกว่าร้อยละ 15 ของผู้ป่วยโควิด-19 ทั้งหมด ซึ่งจำเป็นต้องใช้เครื่องบำบัดโรคระบบทางเดินหายใจอัตราการไหลสูง ที่มีอัตราการไหลสูงกว่าอยู่ที่ 40 - 60 ลิตรต่อนาที โดยพบว่าสามารถลดอัตราการเสียชีวิตและอัตราการใส่ท่อช่วยหายใจลงได้ ทำให้อาการเหนื่อยลดลง ซึ่งหลังจากที่ได้ผลิตเครื่องต้นแบบ Chula HFNC ได้นำเครื่องต้นแบบมาทดสอบในอาสาสมัครปกติทั้งหมด 5 คน และผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการปอดอักเสบที่รักษาตัวในห้อง ICU ทั้งหมด 10 คน ซึ่งผลการรักษาพบว่าได้ผลดีมาก ไม่แตกต่างกับเครื่องมาตรฐานที่นำเข้าจากต่างประเทศ จึงช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายจากการนำเข้าเครื่องให้อากาศที่มีอัตราการไหลสูงได้ถึง 150,000 บาท ต่อ 1 เครื่อง ซึ่งความสำเร็จในครั้งนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้หากไม่ได้รับความร่วมมือร่วมใจจากประชาชนชาวไทยและองค์กรต่างๆ ที่ร่วมบริจาคผ่านมูลนิธิคณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ รวมทั้ง NIA ที่ได้ให้เงินสนับสนุนเพิ่มเติม ทำให้เราสามารถแจกจ่ายเครื่อง Chula HFNC ไปยังโรงพยาบาลที่ขาดแคลนทั่วประเทศโดยไม่มีค่าใช้จ่ายได้ รวมทั้งสิ้น 500 เครื่อง ซึ่งนับเป็นการส่งต่อการให้ที่ยิ่งใหญ่ของวงการสาธารณสุขไทยท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดเช่นในปัจจุบัน