medicalfocusth
กรมอนามัย แนะนำคุณแม่ตั้งครรภ์ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม ช่วยแม่-ลูกแข็งแรง
×
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุขแนะนำคุณแม่ตั้งครรภ์ควรออกกำลังกาย โดยเฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ในขณะตั้งครรภ์ ช่วยป้องกันความเสี่ยงสำหรับทารกในครรภ์ และสามารถทำได้เป็นประจำเหมือนการออกกำลังกายแบบปกติ เพื่อประโยชน์ของคุณแม่และลูกน้อยที่อยู่ในครรภ์
นายแพทย์มณเฑียร คณาสวัสดิ์ รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า คุณแม่ตั้งครรภ์จะพบกับการเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกายและจิตใจ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงจะมีได้ตั้งแต่ระดับเล็กน้อยจนถึงรุนแรง และแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ซึ่งการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอในระยะตั้งครรภ์ จะช่วยส่งเสริมให้หญิงตั้งครรภ์มีสุขภาพดี ปัจจุบันมีการศึกษาวิจัยที่ยืนยันได้ว่า การออกกำลังกายช่วยลดภาวะแทรกซ้อนทางอายุรกรรมหรือภาวะอื่นๆ จากการตั้งครรภ์ เช่น เบาหวานจากการตั้งครรภ์ ครรภ์เป็นพิษ การคลอดก่อนกำหนด โดยการออกกำลังกายเป็นการ ช่วยเตรียมความพร้อมของร่างกายเพื่อเข้าสู่การคลอด ทำให้คลอดง่ายขึ้น ส่งผลให้ความเจ็บปวดระหว่างคลอดลดลง การฟื้นตัวหลังคลอดดีกว่า ปวดแผลน้อยกว่า ปวดเข่าและปวดขาน้อยกว่าคุณแม่ตั้งครรภ์ที่ไม่ออกกำลังกาย
อีกทั้งคุณแม่ตั้งครรภ์ที่มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น จะช่วยให้น้ำหนักตัวลดลงสู่ระดับปกติได้อย่างรวดเร็ว สำหรับด้านจิตใจ พบว่า การออกกำลังกายช่วยลดภาวะซึมเศร้าในสัปดาห์แรกหลังคลอด ทำให้คุณแม่รู้สึกมีคุณค่าในตนเอง และมีความพึงพอใจในภาพลักษณ์ของตนเองสูงขึ้น นอกจากนี้ยังส่งผลดีต่อลูกน้อย โดยพบว่าความยาวของลำตัว และน้ำหนักทารกแรกเกิดจะมากกว่าคุณแม่ตั้งครรภ์ที่ไม่ได้ออกกำลังกายอีกด้วย
นายแพทย์มณเฑียร กล่าวต่อว่า ปัจจุบันไม่มีข้อห้ามการออกกำลังกายในหญิงตั้งครรภ์ โดยสามารถออกกำลังกายได้ตลอดการตั้งครรภ์ ผู้ที่เริ่มต้นหรือไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย ควรเริ่มที่ระดับเบา ทั้งนี้ ควรคำนึงถึงความเหมาะสมและสุขภาพร่างกายเป็นหลัก โดยการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับคุณแม่ตั้งครรภ์ ได้แก่ การเดิน การออกกำลังกายในน้ำ (Hydrotherapy) โยคะสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ รวมถึงการเสริมสร้างความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ เช่น ยกเวทหรือดัมเบลเบาๆ อีกทั้งควรออกกำลังกายเพื่อเสริมความแข็งแรงของอุ้งเชิงกรานและกล้ามเนื้อบริเวณรอบๆ เพื่อลดความเสี่ยงต่ออาการปัสสาวะเล็ด ทั้งนี้ ก่อนเริ่มออกกำลังกาย
ควรได้รับคำแนะนำหรือปรึกษาจากแพทย์และผู้ดูแลก่อน” รองอธิบดีกรมอนามัยกล่าว