medicalfocusth

รู้จัก “มะเร็งโคนลิ้น” โรคร้ายที่พบได้ไม่บ่อยในคนไทย
รู้จัก “มะเร็งโคนลิ้น” โรคร้ายที่พบได้ไม่บ่อยในคนไทย
“มะเร็งโคนลิ้น” พบได้น้อยในไทยแต่มีแนวโน้มที่มากขึ้น แนะอย่าปล่อยลุกลาม สังเกตอาการกลืนลำบากเจ็บคอเวลากลืนอาหาร เลือดออกทางช่องปาก ปวดหู พูดเสียงเปลี่ยน มีก้อนที่คอ ควรรีบพบแพทย์

นายแพทย์วีรวุฒิ อิ่มสำราญ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า มะเร็งโคนลิ้น เป็นส่วนหนึ่งของมะเร็ง คอหอยส่วนปากหรือที่เรียกว่ามะเร็งคอหอยหลังช่องปาก มีแนวโน้มที่พบมากขึ้นในคนไทย ผู้ป่วยส่วนมากที่เป็น โรคนี้มักจะได้รับการวินิจฉัยในระยะลุกลามแล้ว จากข้อมูลของสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ พบว่า “มะเร็งโคนลิ้น” แม้ปัจจุบันจะพบได้น้อยในคนไทย แต่ก็พบว่ามีแนวโน้มที่จะพบมากขึ้นเรื่อยๆ โดยในแต่ละปีมีผู้ป่วยมะเร็งคอหอยส่วนปากรายใหม่ประมาณ 800 ราย ซึ่งถือว่าน้อยถ้าเทียบกับจำนวนผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่ทั้งหมด ประมาณ 140,000 ราย แต่ก็พบว่ามีแนวโน้มจะพบได้มากขึ้นเรื่อยๆ พฤติกรรมความเสี่ยงที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็งโคนลิ้น ได้แก่ การดื่มสุรา การสูบบุหรี่ เคี้ยวหมากร่วมกับใบยาสูบ และการติดเชื้อไวรัส Human papilloma virus (HPV) ซึ่งเป็นไวรัสที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ดังนั้น การมีคู่นอนหลายคนและการมีเพศสัมพันธ์ทางปากจึงอาจเป็นปัจจัยเสี่ยงโรคนี้ด้วย ผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงของโรคมะเร็งโคนลิ้นส่วนใหญ่เป็นเพศชาย อายุ 50 ปีขึ้นไป แต่ผู้หญิงเองก็สามารถป่วยเป็นโรคนี้ได้เช่นกันหากมีพฤติกรรมเสี่ยงข้างต้น

นายแพทย์สกานต์ บุนนาค ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า การตรวจวินิจฉัยโรคมะเร็งโคนลิ้น หากผู้ป่วยพบว่าตนเองมีอาการกลืนลำบาก เจ็บคอเวลากลืนอาหาร มีเลือดออกทางช่องปาก ปวดหู พูดเสียงเปลี่ยนหรือมีก้อนที่คอ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย โดยแพทย์จะทำการตรวจร่างกายส่องกล้องทาง หู คอ จมูก เพื่อตรวจในลำคอ หากจำเป็นแพทย์จะสั่งตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์หรือตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กเพิ่มเติม การรักษา “มะเร็งโคนลิ้น” หรือมะเร็งคอหอยส่วนปาก อาจสามารถหายได้หากรีบเข้ารับการรักษาตั้งแต่ตอนที่รู้ตัวว่าป่วยในระยะเริ่มต้น เพราะยิ่งรู้ตัวเร็วก็จะรักษาได้อย่างทันท่วงทีและมีโอกาสหายสูง วิธีการรักษามะเร็งโคนลิ้น สามารถทำได้ด้วยการให้รังสีรักษาและการผ่าตัด แต่ในกรณีที่เป็นมะเร็งโคนลิ้นในระยะลุกลามที่ผ่าตัดไม่ได้ จะเป็นการรักษาโดยให้รังสีรักษาควบคู่กับเคมีบำบัดซึ่งทั้งหมดจำเป็นต้องประเมินโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย เนื่องจากมีปัจจัยที่ต้องคำนึงหลายประการ สำหรับการป้องกันโรคมะเร็งโคนลิ้นทำได้โดยการงดสูบบุหรี่ งดดื่มสุรา รวมถึงการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย ที่สำคัญหากมีอาการหรือสงสัยว่ามีความเสี่ยงต่อมะเร็งคอหอยส่วนปาก ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย ซึ่งจะช่วยให้สามารถรักษาได้อย่างทันท่วงทีและลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งคอหอยส่วนปากได้

ข้อมูลความรู้เรื่องโรคมะเร็งเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ส่งเสริมความรอบรู้สู้ภัยมะเร็ง All about Cancer http://allaboutcancer.nci.go.th/