การพัฒนา “การดูแลเบาหวานแบบใหม่ให้รอบด้าน” ในโรงพยาบาล 13 เขตสุขภาพ เพื่อการรักษาเบาหวานให้ได้เป้าหมายในประเทศไทย
×
โรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ เผย ปัจจุบันโรคเบาหวานถือว่าอยู่ในสถานการณ์ที่ค่อนข้างน่าเป็นห่วง ข้อมูลจากสหพันธ์เบาหวานนานาชาติ (IDF) พบว่า ทั่วโลกป่วยด้วยโรคเบาหวานมากถึง 537 ล้านคน และเสียชีวิตมากกว่า 4 ล้านคนต่อปีและมีแนวโน้มที่จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งคนส่วนใหญ่ยังไม่ตระหนักถึงความร้ายแรงของโรคนี้เท่าที่ควร
นายแพทย์สกานต์ บุนนาค รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า เบาหวาน เป็นโรคที่เกิดจากปัญหาในการควบคุมน้ำตาลในเลือด ทำให้ร่างกายไม่สามารถใช้น้ำตาลได้อย่างเหมาะสม สืบเนื่องมาจากการรับประทานอาหารที่มีน้ำตาลสูง ซึ่งในระยะแรกจะไม่แสดงอาการผิดปกติ บางรายอาจตรวจพบโรคเบาหวานเมื่อพบภาวะแทรกซ้อนแล้ว และอาการของโรคเบาหวานแต่ละชนิดอาจคล้ายกัน คือ กระหายน้ำมาก ปากแห้ง ปัสสาวะบ่อย หิวบ่อย น้ำหนักลดหรือเพิ่มผิดปกติ สายตาพร่ามัว เห็นภาพไม่ชัด รู้สึกเหนื่อยง่าย มีอาการชา โดยเฉพาะมือและขา บาดแผลหายยาก นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จึงมีนโยบายแก้ไขปัญหา โดยผลักดันการส่งเสริมสุขภาพและแนวคิดวิถีชีวิตเพื่อสุขภาพที่ดีไปสู่การปฏิบัติ พร้อมทั้งปรับปรุงกฎหมาย มาตรการต่างๆ ให้เอื้อในการต่อสู้กับโรค NCDs สนับสนุนแนวคิดสุขภาพดี สิทธิประโยชน์เพิ่ม รวมถึงส่งเสริมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผ่านศูนย์คนไทยห่างไกล NCDs เพื่อลดอัตราการป่วยก่อนเข้าสู่ระบบการรักษา ลดความรุนแรงของการเจ็บป่วยในผู้ป่วยรายเก่า และช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของประชาชนและของประเทศ
นายแพทย์จินดา โรจนเมธินทร์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชวิถี กล่าวต่อว่า เบาหวาน มักจะพบในคนที่มีสภาวะน้ำหนักเกินเกณฑ์มาตรฐาน มีญาติหรือบรรพบุรุษเป็นเบาหวาน โดยมักจะมีความดันโลหิตสูง และมีไขมันในเลือดที่ผิดปกติ
ร่วมด้วย ผู้ที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูง จะส่งผลต่อหลอดเลือดแดงในร่างกาย ทำให้ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเสื่อมเร็วขึ้น นำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ที่จะเกิดตามมาในอนาคต จึงต้องรักษาอย่างเข้มงวด ซึ่งการรักษาส่วนใหญ่ยังไม่เป็นไปตามเป้าหมาย เนื่องจากปัจจัยด้านผู้ป่วย ครอบครัว ทีมผู้ให้การบริบาลผู้เป็นเบาหวาน ซึ่งบุคลากรทางการแพทย์มีบทบาทความสำคัญในการให้ความรู้ ความตระหนัก และแนะนำในสิ่งที่ถูกต้อง เพื่อให้ผู้ป่วยดูแลตนเองได้อย่างเหมาะสม ส่งผลต่อการควบคุมอาการของโรค
ศ.คลินิก นพ.วีระศักดิ์ ศรินนภากร นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม โรงพยาบาลราชวิถี และประธานโครงการ ““การอบรมการดูแลรักษาเบาหวานให้ได้เป้าหมายรอบด้านในประเทศไทย” (Global Targeted of Diabetes Care Training) 12 หลักสูตร” กล่าวเพิ่มเติมว่า อย่างไรก็ตาม การดูแลผู้ป่วยเบาหวานเป็นการทำงานแบบสหวิชาชีพและบูรณาการต้องอาศัยทรัพยากรต่างๆ ซึ่งในปัจจุบันยังไม่มีระบบการพัฒนาทีมผู้ดูแลอย่างเป็นระบบและรอบด้าน ทางโรงพยาบาลราชวิถีจึงได้จัดโครงการ “การพัฒนาการดูแลเบาหวานแบบใหม่ให้รอบด้าน ในโรงพยาบาล 13 เขตสุขภาพ” เพื่อการรักษาเบาหวานให้ได้เป้าหมายในประเทศไทย โดยได้รับทุนสนับสนุนจากบริษัท โนโว นอร์ดิสค์ ฟาร์มา ซึ่งเป็นการพัฒนาการดูแลเบาหวานแบบใหม่ที่ครบรอบด้านใน 13 เขตบริการสุขภาพ
การดูแลเบาหวานแบบใหม่ต่างจากแบบเดิม โดยที่การรักษาแบบเดิม เป็นการรักษาที่มีการดำเนินโรคเบาหวานเดินทาง
ไปข้างหน้า คือ การเกิดกลุ่มเสี่ยงกลายเป็นกลุ่มที่มีโรคเบาหวาน และกลายเป็นเบาหวานที่มีภาวะแทรกซ้อน จนรุนแรงและเสียชีวิต จนกระทั่งการที่มีภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวานเป็นเรื่องปกติ ซึ่งแบบใหม่ เป็นการรรักษาที่มีการดำเนินโรคเบาหวานเดินทางในทิศทางย้อนกลับ คือ กลุ่มที่มีโรคเบาหวาน ได้มีการรักษาที่ต้นเหตุ โดยการใช้ชีวิตให้เหมาะกับโรคโดยเฉพาะตั้งแต่
ที่เริ่มทราบว่าเป็นเบาหวานใหม่ ๆ เพื่อการชะลอโรค การลดยา หรืออาจจะทำให้เกิดเบาหวานระยะสงบ เพราะการดูแลตนเองที่ดีจะช่วยไม่ให้เกิดโรคแทรกซ้อนจากเบาหวาน ซึ่งโครงการดังกล่าว จะประกอบด้วย 3 ส่วน ได้แก่
กลุ่มที่ 1 จัดการอบรมผ่าน Zoom meeting จำนวน 12 วัน วันละ 7-8 ชั่วโมง ประมาณเดือนละ 1-2 ครั้ง ช่วงปี
พ.ศ. 2566 ซึ่งครอบคลุมทั้งการสื่อสาร การสร้างพลังใจ การให้ความรู้ การประเมินผล การควบคุมน้ำตาลและปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ การดูแลเบาหวานทางกายและจิตใจ ส่งเสริมให้ผู้เป็นเบาหวานสามารดูแลตนเอง (DSMES) ใน 7 หัวข้อ ข้างต้น เบาหวานระยะสงบ การใช้ชุมชนร่วมกับการดูแลเบาหวาน ได้แก่ การจัดตั้งชมรมเบาหวาน การทำ health station การใช้วัด โรงเรียนในการร่วมดูแล ภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน การรักษาเบาหวานที่ยากต่อการรักษา ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยในการรักษาโรคเบาหวาน โดยครอบคลุม 13 เขตสุขภาพ โดยผ่าน Zoom meeting 12 วัน จำนวน 4,692 คน โดยมีบุคลากรจำนวน 1,128 คน ที่ได้รับประกาศนียบัตรผ่านการอบรมมีความรู้ที่เพิ่มขึ้น จำนวนร้อยละ 60 โรงพยาบาลที่ผ่านการพัฒนา รวม 2,212 โรงพยาบาล
กลุ่มที่ 2 หลังจบการอบรมได้มีการจัดระบบเข้าสู่ E-learning ของกรมการแพทย์ เพื่อให้บุคลากรนอกเหนือในการอบรมกลุ่มที่ 1 ได้อบรมในภายหลังเป็นกลุ่มที่ 2 ผ่าน E-learning โดยสามารถเข้าศึกษาได้ใน E-learning กรมการแพทย์ หรือ
https://www.pmdrj.com/ncdrj
โดยมีบุคลากรทางการแพทย์ผู้ดูแลเบาหวาน เข้าสู่ E-learning จำนวน 1,775 คน และยังคงเปิดการอบรมอย่างต่อเนื่องใน E-learning
กลุ่มที่ 3 เป็นกลุ่มผ่านการอบรมในกลุ่มที่ 1 แต่ได้มีการอบรมอย่างเข้มงวดเพิ่มเติมในด้านการปฏิบัติ โดยมีการฝึกปฏิบัติที่คลินิกเบาหวาน one stop service ที่คลินิกเบาหวานโรงพยาบาลราชวิถี โดยมีการปฏิบัติงานด้านการเจาะเลือดที่บ้าน การทำ Telemedicine การตรวจตา ตรวจเท้า การทำระบบ refilled ยา และการส่งยาไปรษณีย์ การดูแลเบาหวานชนิดที่ 1 การดูแลเบาหวานในขณะการตั้งครรภ์ ซึ่งรวมเป็นเวลา 5 วัน มีผู้เข้าร่วมอบรมและผ่าน Workshop เป็นจำนวนทั้งสิ้น 51 คน และ
26 โรงพยาบาล
โดยผลการดำเนินงานที่ผ่านมาพบว่ามีผลลัพธ์การควบคุมน้ำตาลที่ดีขึ้น โรงพยาบาลทั่วประเทศควบคุมเบาหวานได้ดีขึ้น ผลรวมประเทศควบคุมน้ำตาลดีขึ้น (ระดับ HbA1c <7% มากกว่า 40%) เมื่อเทียบ ปี พ.ศ. 2565 และ พ.ศ. 2567 เพิ่มขึ้น 2.99% (จาก 26.18% เป็น 29.07%) ส่วนโรงพยาบาลที่ผ่านการพัฒนาโดย Zoom meeting เพิ่มขึ้น 4.80% (จาก 32.04% เพิ่มเป็น 36.84%) และกลุ่มที่อบรมผ่าน Zoom ร่วมกับการอบรม workshop เพิ่มขึ้น 9.46% (จาก 28.63% เพิ่มเป็น 38.09%) ซึ่งการพัฒนาการรักษาเบาหวานแบบใหม่จะส่งผลดีต่อระบบสาธารณสุข สามารถควบคุมเบาหวานได้ดีขึ้น ลดภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวานในอนาคตได้ มีผลต่อเศรษฐกิจโดยสามารรถลดค่าใช้จ่ายในด้านค่ายารักษาและค่าใช้จ่ายในการรักษาภาวะแทรกซ้อน ส่วนผลต่อสังคมและชุมชน คือ ผู้ป่วย ครอบครัว และสังคม มีส่วนร่วมในการดูแลสุขภาพและการป้องกันโรคในอนาคต