medicalfocusth

กรมอนามัย แนะ วาเลนไทน์นี้มอบผลไม้สีแดง เติมความหวาน แบบไม่เพิ่มน้ำตาล
กรมอนามัย แนะ วาเลนไทน์นี้มอบผลไม้สีแดง เติมความหวาน แบบไม่เพิ่มน้ำตาล
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข แนะ วาเลนไทน์นี้มอบผลไม้สีแดงเป็นสื่อรักแทนใจ เพื่อเติมความหวานให้แก่กัน ทั้งได้ประโยชน์ และได้สุขภาพ แทนการมอบขนมหวาน ลดการเพิ่มน้ำตาล ช่วยลดอ้วน

นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า เนื่องในวันวาเลนไทน์ (Valentine’s Day) คู่รักทั่วไปนิยมมอบของขวัญแทนใจเพื่อแสดงความรักให้แก่กัน นอกจากดอกกุหลาบสีแดงแล้ว ก็จะนิยมมอบขนมหวาน เช่น ช็อกโกแลต คุกกี้ ลูกกวาด เป็นต้น เพื่อเป็นสัญลักษณ์แทนความรัก ความสุข ความหวาน ให้แก่คู่รัก เนื่องจากขนมหวานดังกล่าว เป็นอาหารที่ให้พลังงานได้รับสารอาหารที่ไม่เหมาะสม ส่วนใหญ่มีสารอาหารที่ให้ประโยชน์น้อย (Empty Calories) หากกินโดยไม่มีการควบคุมบ่อย ๆ เป็นระยะเวลานาน จะทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่ไม่เหมาะสม ระบบภูมิคุ้มกันเสียสมดุล ทำให้ติดเชื้อง่าย และอาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไขมันในเลือดสูง และโรคอ้วนในระยะยาวได้

นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวต่อไปว่า ขนมหวานดังกล่าวเป็นอาหารที่ให้พลังงานสูง และพลังงานส่วนใหญ่มาจากน้ำตาลซึ่งหากได้รับในปริมาณที่มากไปอาจจะเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคต่างๆ ได้ โดย ช็อกโกแลต 1 ชิ้นพอดีคำ ขนาด 10 กรัม ให้พลังงานประมาณ 50 กิโลแคลอรี คุกกี้ 1 ชิ้น ขนาด 10 กรัม ให้พลังงานประมาณ 50 กิโลแคลอรี สตรอว์เบอร์รีเคลือบช็อกโกแลต 1 ชิ้น ขนาด 35 กรัม ให้พลังงานประมาณ 60 กิโลแคลอรี คัพเค้ก 1 ชิ้น ขนาด 60 กรัม ให้พลังงานประมาณ 130 กิโลแคลอรี บราวนี่ 1 ชิ้น ขนาด 60 กรัม ให้พลังงานประมาณ 250 กิโลแคลอรี ซึ่งองค์การอนามัยโลกแนะนำ ให้ผู้ใหญ่และเด็กลดการบริโภคน้ำตาลจากปริมาณที่บริโภคไม่เกิน 24 กรัม หรือ 6 ช้อนชาต่อวัน เพื่อไม่ให้ได้รับพลังงานจากน้ำตาลมากเกินไป ซึ่งพลังงานจากอาหารว่าง ขนม และเครื่องดื่ม ไม่ควรเกินวันละ 150 - 200 กิโลแคลอรีต่อวัน ดังนั้น หากกินช็อกโกแลต คุกกี้ สตรอว์เบอร์รีเคลือบช็อกโกแลต ไม่ควรเกินวันละ 3-4 ชิ้น ส่วนคัพเค้กและบราวนี่ไม่ควรมากกว่า 1 ชิ้นต่อวัน หากสามารถทำขนมเองได้แนะนำให้เลือกสูตรหวานน้อย และสามารถเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการด้วยใยอาหารจากธัญพืชต่างๆ หรือผลไม้รสไม่หวานจัด

“สำหรับเทศกาลวาเลนไทน์ปีนี้ กรมอนามัยแนะมอบของขวัญชิ้นพิเศษด้วยผลไม้สีแดง นอกจากจะมีสีสันที่สื่อถึงความรักแล้วยังอุดมไปด้วยใยอาหาร วิตามิน แร่ธาตุ และสารพฤกษเคมีที่มีคุณประโยชน์มากมาย ดีต่อใจ ดีต่อสุขภาพ อาทิ แอปเปิ้ลแดงมีใยอาหารสูงช่วยในการขับถ่าย ช่วยลดคอเลสเตอรอลมีฟลาโวนอยด์ช่วยต้านอนุมูลอิสระ สตรอว์เบอร์รีมีวิตามินซีค่อนข้างมาก ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ชะลอการอุดตันของหลอดเลือดหัวใจ ใยอาหารสูงช่วยควบคุมความดันเลือด องุ่นแดง มีสารแอนโทไซยานิน มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระลดการเกิดไขมันอุดตันในหลอดเลือดและชมพู่ทับทิมจันทร์ มีสารไลโคพีนที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ใยอาหารช่วยลดปริมาณไขมันในเลือด นอกจากนี้ คู่รักควรสร้างสุขภาพที่ดีด้วยการชวนกันออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 5 วัน วันละ 30 นาที เพราะการให้ความรักที่ดีที่สุด คือ การให้สุขภาพที่ดี”
อธิบดีกรมอนามัย กล่าว